Ray Dalio นักลงทุน Hedge Fund ที่สร้างผลตอบแทนสูงที่สุด
ชื่อ Ray Dalio อาจจะไม่เป็นทีี่รู้จักเท่าไรนัก แต่ชื่อของเค้าเริ่มเป็นที่รู้จักในวงการการลงทุนเมื่อกองทุน Hedge Fund ของเขาสามารถทำกำไรได้ผลตอบแทนอันดับหนึ่งในปี 2016
และครองแชมป์ที่ 1 มาหลายสมัย ชื่อของ Ray Dalio เริ่มเป็นที่รู้จักในวงการ Hedge Fund แล้วค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆเมื่อเค้าได้สอนแนวคิดในการพัฒนาตนเอง โดยเริ่มเขียนลงในหนังสือของเขาเป็น ebook ที่ให้อ่านฟรีจนกระทั่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จน Ray Dalio ได้ทำการปรับปรุงและเขียนเพิ่มเติมแล้วผลิตออกจำหน่ายหนังสือเล่มนั้นคือ Principles

เรย์ เดลิโอ้ (Ray Dalio) เกิดในย่านคนชั้นกลางใน กรุงนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ชื่อเดิมของเรย์ มาจากการเพี้ยนเสียงของแม่ของเขาที่พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยชัด นั้นคือ Raymond Dalio แต่แม่ของเขาซึ่งมีเชื้อสายอิตาลีไม่สามารถพูดคำว่า “เรย์ม่อน” ได้ จึงเรียกสั้นๆว่า “เรย์” นั้นเอง
เรย์ เดลิโอ้ เกิดมาในชนชั้นกลางทีอาศัยในเมืองใหญ่อย่างนิวยอร์ก พ่อของเขาชื่อ Marino Dalio เป็นนักดนตรี Jazz และแม่ของเขา Ann Dalio เป็นแม่บ้านอาชีพ เขาเกิดในช่วงยุครุ่งเรือนของดนตรี Jazz ที่ชาวอเมริกันนิยมฟังเป็นจำนวนมาก ทำให้พ่อของเขาที่มีอาชีพนักดนตรีกอบโกยเงินได้มหาศาลมาก
จุดเริ่มต้นในการลงทุนของ เรย์ เริ่มตอนอายุ 12 ขวบ ได้ทำงานรับจ้าง เก็บลูกกอล์ฟในสนามกอล์ฟแห่งหนึ่ง เขาได้รู้จักกับเพื่อนคนหนึ่งที่มีอาชีพเป็นคนแบกกระเป๋าในสนามกอล์ฟ (caddied) และแนะนำ “หุ้นเด็ด” ที่เขาได้มาจากนักธุรกิจคนหนึ่งมาอีกที นั้นคือหุ้นสายการบินเล็กๆอย่าง Northeast Airlines เรย์จึงได้นำเงินเก็บทั้งเนื้อทั้งตัวประมาณ 300 เหรียญสหรัฐ เข้าซื้อหุ้น Northeast Airlines และใช้เวลาไม่นานมันก็วิ่งขึ้นเป็น 3 เท่าเพราะถูกอีกบริษัทหนึ่งซื้อไป เรย์รู้สึกตื่นเต้นมากที่สามารถทำเงินได้อย่างรวดเร็ว และนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของการลงทุนของเขา
หลังจากแม่เสียชีวิต Ray Dalio มุ่งมั่นตั้งใจเรียนเพราะเขาตระหนักว่าคนเรามีเวลาไม่มาก โดย เรย์ จบการศึกษาทางด้านการเงินจากมหาวิทยาลัย Long Island University และต่อปริญญาโทบริหารธุรกิจจาก Harvard Business School
หลังจบการศึกษา เรย์ได้เริ่มต้นทำงานในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก โดยทำหน้าที่เป็นคนจดราคาหุ้น ณ สิ้นวันตลาดปิด ด้วยความโดดเด่นของเขาทำให้เลื่อนตำแหน่งเป็นเทรดเดอร์คนส่งคำสั่งซื้อ-ขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า ต่อมาจึงถูกบริษัท Dominick & Dominick LLC เชิญให้ไปนั่งตำแหน่งผู้จัดการสายงานสินค้าโภคภัณฑ์ ต่อมาในปี 1974 เรย์ได้ทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญการซื้อขายล่วงหน้าในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ในบริษัท Shearson Hayden Stone แต่เขาทำงานได้เพียงปีเดียวก็ลาออก ด้วยความมั่นใจในฝีมือของเขาเองทำให้ออกไปเปิดกองทุนเองเพื่อให้บริการลูกค้าที่ต้องการลงทุน
ซึ่งในปีต่อมาในปี 1975 เขาใช้บ้านของเขาซึ่งเป็นอพาร์ทเมนต์เล็กๆประกอบไปด้วย 2 ห้องนอนก่อตั้งบริษัทบริหารเงินลงทุน Bridgewater Associates และแต่งงานกับบาร์บาร่าในปี 1976 มีลูกด้วยกัน 4 คน แต่คนที่มีบทบาทมากที่สุด มี 2 คน คือ พอล เดลิโอ้ ที่กลายมาเป็นนักถ่ายทำภาพยนตร์ และ แมท เดลิโอ้ ที่ทำงานการกุศลโดยจัดตั้งมูลนิธิ China Care Foundation ในประเทศจีน เพื่อทำการช่วยเหลือเด็กที่ผิดปกติจากพันธุ์กรรม พิการแต่กำเนิด และออทิสติก

ในช่วง 20 ปีแรกของการตั้งบริษัท ไม่เป็นไปตามคาด ไม่มีลูกค้านำเงินมาลงทุนกับกองทุนของเรย์เลย จึงทำให้งานในช่วงแรกนั้นเป็นแค่ที่ปรึกษาในการลงทุนซะมากกว่า แต่ด้วยความพยายามของเรย์ ทำให้คิดค้นวิธีการและสูตรในการลงทุนแบบต่างๆจนทำให้เกิดรูปแบบของกองทุนประเภทต่างๆ
กองทุนแรกที่เรย์ก่อตั้งขึ้นชื่อว่า Pure Alpha fund ในปี 1991 ซึ่งกองทุนนี้ทำผลงานได้ดีมากในช่วงขาลงของตลาดหุ้นในปี 2000-2003 ทำให้เรย์มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากที่สามารถฝ่าฝันตลาดขาลงมาได้ ซึ่งภายหลังเรย์ได้เผยว่าเคล็ดลับสำคัญอยู่ที่ “การกระจายความเสี่ยง”
แต่ทว่าในปี 1980 Ray จับสัญญาว่าอเมริกาปล่อยกู้ให้ประเทศเศรษฐกิจใหม่จำนวนมากและมีแนวโน้มว่าประเทศเหล่านั้นจะเบี้ยวหนี้ จะส่งผลให้เศรษฐกิจอเมริกาพังอย่างแน่นอน โดยเหตุการณ์เป็นจริงตามที่ Ray คาดการณ์คือเม็กซิโกเป็นประเทศแรกที่เบี้ยวหนี้ ด้วยความมั่นใจ Ray ตัดสินใจ Short สวนทางแบบเทหมดหน้าตัก แต่เหตุการณ์กลับตัลปัตรตลาดหุ้นอเมริกาขึ้นเอาขึ้นเอา ทำให้ Ray หมดตัว และมีตราบาปติดตัว Bridgewater ทำลูกค้าเจ๊ง ไม่มีเงินจ้างพนักงาน เขาต้องยืมเงินพ่อมาจ่ายค่าดูแลภรรยาและลูก 2 คน
แต่ Ray Dalio นั้นไม่ยอมแพ้ เมื่อล้มแล้วก็ต้องหาสาเหตุและปัญหาของความผิดพลาดว่าเกิดจากอะไร เรย์ได้ศึกษาเพิ่มเติมเพื่อนำมาปรับแก้กับ Pure Alpha Fund และคิดกลยุทธ์การลงทุนในกองทุนอื่นอีกด้วย
ต่อมากองทุน Pure Alpha fund เริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้น เรย์อยากจะทดลองกลยุทธ์ใหม่ โดยออกกองทุนใหม่ที่ชื่อว่า All Weather hedge fund ซึ่งก็ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี อีกทั้งยังได้รับรางวัลเป็นกองทุนดีเด่นที่สร้างผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอปีละ 16.3% โดยเฉลี่ยอีกด้วย
สิ่งสำคัญในการลงทุนของเรย์นั้นเอาลดความเสี่ยงโดยอาศัยการศึกษาของมูลจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่เกิดขึ้นในอดีต การกระจ่ายการลงทุนใน Asset Class ที่ต่างกันทำให้การลงทุนของเรย์ เกิดความสมดุล เป็นที่ถูกใจของลูกค้าที่นำเงินมาให้เรย์จัดการ การลงทุนให้
ปัจจุบัน Bridgewater Associates กลายมาเป็น hedge fund ที่ใหญ่ที่สุดของโลกไปแล้ว และรับบริหารเงินมากกว่า 1.5 แสนล้านเหรียญ โดยในปี 2017 กองทุนของ
Ray Dalio มีขนาดใหญ่กว่ากองทุนของเจ้าพ่อ Hedge Fund อย่าง George soros ซะอีก
ขอขอบคุณ