เหรียญ LUNA บทเรียนแห่งวงการ Cryptocurrency

เหรียญ LUNA ถือเป็นเหรียญ Governance Token ที่ถูกออกมาสำหรับ DeFi Protocol ของ Terra ซึ่งเป็น blockchain สัญชาติเกาหลี

โดย Terra นั้นก่อตั้งโดย Daniel Shin และ Do Kwon ซึ่ง Do Kwon ดำรงตำแหน่ง CEO ของ Terraform Labs บริษัทที่อยู่เบื้องหลังและบริหาร Terra

ต้องบอกว่า Project ที่ Terra คิดค้นขึ้นเป็นที่นิยมอย่างมากก็คือ Mirror และ Anchor โดย Mirror เป็นแพลตฟอร์ม synthetic หุ้นที่ทำการใช้เทคโนโลยี Defi ทำให้นักลงทุนสามารถลงทุนในหุ้นทั่วโลกได้โดยการใช้เทคนิค synthetic หรือคล้ายๆกับ CFD (Contract for difference) นั้นเอง และยังมี project defi พวกปล่อยกู้ยืม ทำให้เกิดผลตอบแทนในรูปแบบดอกเบี้ยในอัตราที่สูง

เมื่อทาง Terra ทำการพัฒนา Defi Project ขึ้นมาและมี Governance Token แล้วสิ่งต้องมีขึ้นมาอีกก็คือ stable coin ที่จะต้องออกมาเพื่อเป็นจุดอาจอิงราคา asset ในระบบ โดยจุดที่น่าสนใจของ stable coin ที่มีชื่อว่า UST นั้น คือการไม่มี asset back จริงโดย stable coin UST นี้จะอาจอิงกับสกุลเงินหลักอย่าง USD ของสหรัฐอเมริกา ทาง Terra ใช้การออกแบบนี้เรียกว่า Algorithmic stable coins ยึดหลัก demand supply ของเหรียญ LUNA กับ UST โดยทำการตรึงราคา UST ไว้กับ USD ที่ 1:1 ถ้าหากมีความต้องการ UST มากๆก็จะทำการ เผาเหรียญ LUNA เพื่อไปสร้างเหรียญ UST แต่หาก ความต้องการของ UST น้อยลงก็จะทำการเผา UST แล้ว ออกเหรียญ LUNA เพิ่ม หลักการนี้เหมือนจะ balance แต่ในความเป็นจริงแล้วดันไปตรึงราคากับ USD 1:1 นั้นทำให้เกิดความซับซ้อนและช่องโหว่ขึ้น เพราะการขึ้นลงของ USD นั้นมันใหญ่เกินที่แพลตฟอร์มเล็กๆอย่าง Terra จะรับมือได้

ในโลกการเงินหลังจากวิกฤตต้มยำกุ้งบทเรียนอันล้ำค่าคือ ทฤษฎีสามสิ่งเป็นไปไม่ได้เกี่ยวกับค่าเงิน หากครบองค์ประกอบ สกุลเงินนั้นอยู่ในจุดเสี่ยง

  1. เงินทุนเคลื่อนย้ายแบบเสรี ในกรณีของ UST นั้นเมื่ออยู่ในโลก Defi มันย่อมมีองค์ประกอบนี้
  2. กำหนดนโยบายการเงินอย่างอิสระ UST ถูกกำหนดโดย Algorithmic ซึ่งมีอิสระและเป็นไปตามสิ่งที่เกิดขึ้นไม่มีข้อห้ามใด
  3. การตรึงอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ ซึ่ง UST มีอัตราที่ 1:1 กับ USD

ถามว่าช่องโหว่นี้มีหลายคนในวงการ crypto เคยเดือนทาง Do Kwon แล้วแต่ด้วยความมั่นใจและมี Ego ของ Do Kwon เองกลับไปรับฟัง และ UST สามารถตรึงอัตราแลกเปลี่ยนได้ยาวเกือบถึง 2 ปีโดยไม่มีปัญหาอะไร แล้วทำไมจึงเกิดเหตุการณ์ขึ้นได้ คงต้องบอกว่าที่ผ่านมานั้นจังหวะและผลตอบแทนยังไม่ได้และไม่ถึงเวลา

จุดเริ่มต้นเริ่มขึ้นเมื่อ LFG Luna Foundation Guard ได้ถูกตั้งขึ้นดูและเสถียรภาพของ UST และ LUNA ได้ทำการเข้าซื้อ BTC ในปริมาณมากเพื่อเป็น Asset back ให้กับแพลตฟอร์ม นั้นก็หมายความว่าได้เปิดตัวว่ามี BTC อยู่ในมือจำนวนมาก หากทำการ short BTC แล้วทำให้ Terra ต้องขาย BTC ออกมาก็จะสามารถทำกำไรได้ และแล้วจังหวะก็มาถึงเมื่อสกุลเงินอย่าง USD แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วและแข็งแกร่ง นั้นก็หมายความว่า Algorithmic ก็จะทำการ ผลิตเหรียญ LUNA เพิ่มและลดเหรียญ UST หากสามารถทำให้เกิดการเทขายทั้ง UST และ LUNA พร้อมกันในปริมาณมากๆจนทำให้ Algorithm ผลิตเหรียญ LUNA ไปเรื่อยๆแล้ว UST ไม่สามารถกลับที่อัตรา 1:1 USD ได้จนเกิด death spiral สิ่งที่ LFG ต้องทำก็คือการขาย BTC เพื่อมาซื้อ LUNA และ UST เพื่อพยุงราคาทั้ง 2 เหรียญ ซึ่งเมื่อ LFG ขาย BTC ทำให้ BTC ราคาลง เพราะปริมาณที่ LFG ขายนั้นมีปริมาณมากๆ รวมไปถึงในตลาดจะเกิดแรงขายจากนักเกรงกำไรจำนวนมากทำให้ position short ของผู้โจมตีนั้นได้รับ return จำนวนมหาศาล คงต้องบอกว่าผู้โจมตีรู้จักยืมแรงลมเพื่อจุดไฟ และเกิดการลามของไฟไปเรื่อยๆ

DXY ดัชนีความต้องการ USD ที่บ่งบอกว่า USD มีความแข็งแกร่งมาก การใช้จังหวะนี้ในการโจมตี UST

ถามสัญญาณเตือนภัยก่อนเกิดวิกฤตในแพลตฟอร์ม Terra นั้นมีอยู่หรือไม่ ในตอนราคาเหรียญ LUNA ทำราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น การ stake และกู้ยืมใน defi ของ Terra ให้ return เกิดความเป็นจริงที่ธรรมชาติจะให้ได้ หากนักลงทุนที่มีประสบการณ์ก็จะรับรู้ทันทีว่านี้จะเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติและอาจเกิดปัญหาที่มองไม่เห็นก็ได้ หรือแพลตฟอร์มของ Terra เองอาจไม่ได้แข็งแกร่งเท่าที่ทุกคนคิดไว้ก็ได้ แต่ทว่า return ใน defi ของ Terra และเหรียญ LUNA กับดึงเม็ดเงินมหาศาลเข้ามาจำนวนมาก ก่อนที่จะนำไปสู่ความสูญเสียจำนวนมากที่ตามมา เป็นอะไรที่คนในวงการ crypto ไม่อยากให้เกิด แต่มันก็ต้องเป็นไปตามหลักของตลาดทุนนิยม เพราะทุกคนเข้ามาก็เพื่อหวังกำไรกันทั้งสิน และเมื่อตลาด crypto นั้น productivity ไม่ได้เกิดขึ้นเหมือนในตลาดทุนที่มีการค้าขายแล้วปันผลเข้ามา สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือการล่านั้นเอง

ราคาเหรียญ LUNA
ราคาเหรียญ UST

หลังเกิดเหตุการณ์ UST หลุดการตรีงราคาทำให้ เหรียญ LUNA มีปริมาณที่มหาศาลเกินจะกู้ให้กลับไปยังจุดเดิมได้ ทำให้มูลค่าหายไปเกือบจะ 100 % ราคาเหรียญเลื่อนต่ำกว่า 0 ในระดับทศนิยมหลายตำแหน่ง ส่วนทาง Do Kwon ก็ทำได้เพียงว่าจะฟื้นฟูกลับมาให้ได้ แต่แผนการก็ยังไม่เห็นอนาคตใดๆ ส่วน CZ แห่ง binance ก็ดวงซ่วยต้องเหมือนจะเข้ามาจัดการและยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น

คงต้องบอกว่าเหตุการณ์นี้หลายคนคงได้บทเรียนมากมาย การพัฒนา defi ก็ไม่ได้จะสวยงามเหมือนเช่นเสก program ขึ้นมาแล้วเพราะความซับซ้อนทางการเงินนั้นมีมากมาย และอาจนำไปสู่ความเสียหายที่ไม่มีใครอยากให้เกิด และนี้อาจเป็นจุดดับความร้อนแรงของ crypto ในยุด Defi

** จุดสังเกต การโอน BTC ออกจาก wallet LFG ไปขายเพื่อนำกลับมาซื้อ LUNA, UST แต่ทำไมราคาเหรียญทั้ง 2 เหมือนจะไม่มีแรงซื้อกลับเลย คงต้องดูรายละเอียดต่อไปว่า BTC ที่โอนออกได้นำไปขายแล้วซื้อ UST กับ LUNA หรือไม่

Leave a Reply

Your email address will not be published.