เรื่องเล่าจีน ตัดแขนเสื้อ
ในหนังจีนหรือวรรณกรรมจีน หลายๆเรื่องมักจะมีการอ้างแผนการที่เกี่ยวกับชิงรักหักสวาท ใช้ชื่อแผนการ ตัดแขนเสื้อ จึงเกิดคำถามว่าทำไมต้องตัดแขนเสื้อละ ที่มาของสุภาษิตเรื่องเล่าของจีนมีดังนี้ครับ
เป็นเรื่องเล่าอิงประวัติศาสตร์ เกิดขึ้นในสมัย ปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันตก (๒๐๒ ปีก่อนคริสต์ศักราช – ค.ศ.๘) ฮ่องเต้พระนามว่า “ฮั่นอายตี้” (漢哀帝) หรือพระนามเดิมคือ “หลิวซิน” (劉欣) ในประวัติศาสตร์บันทึกว่า พระองค์เป็น ชายรักชาย ถึงแม้ว่าพระองค์จะมี ฮองเฮาและสนมอยู่มากมายแต่ เพียงเพื่อกำเนิดพระโอรสเพื่อสืบราชบัลลังก์ เท่านั้น
ฮ่องเต้ฮั่นอายตี้ เกิดตกหลุมรักหนุ่มที่ชื่อว่า “ต่งเสียน” ซึ่งอายุน้อยกว่าราว ๔ ปี หน้าตาดี เป็น มหาดเล็กรับใช้ในวัง แต่เมื่อ ฮ่องเต้ฮั่นอายตี้ เกิดตกหลุมรักขึ้นจึงคิดหาวิธีให้ ต่งเสียน อยู่ใกล้ชิดพระเองตลอดเวลา แต่ด้วยกฎมณเทียรบาล ผู้ชายไม่อาจรับใช้ในวังหลังได้ต้องเป็นขันทีเท่านั้น พระองค์เลยใช้อำนาจ ทำให้ ต่งเสียน เป็นเพียงขันทีปลอมเท่านั้น แต่ทั้งร่างกายและจิตใจยังเป็นชาย
เรื่องวุ่นๆจึงเกิดขึ้นหลังจากที่ ต่งเสียน เข้าวัง เดิมที่ ต่งเสียนนั้นก็มีภรรยาอยู่แล้ว แต่ด้วยความรักจนตาบอดของ ฮ่องเต้ฮั่นอายตี้ ก็อนุญาติให้ ต่งเสียนนำภรรยาเข้ามาอยู่ในตำหนักภายในวังได้ แต่เท่านั้นไม่พอ ต่งเสียนนั้นเป็นขันทีปลอมบวกกับ ฮ่องเต้ฮั่นอายตี้ โปรดปรานแต่ ฮ่องเต้ไม่ได้ชอบใน สตรีเพศ ต่งเสียนเมื่อได้อยู่ในวังหลังที่เต็มไปด้วยสาวงาม ต่งเสียนจึงได้ทำการข่มขืน สนมนางในไปทั่วแต่ฮ่องเต้ก็ไม่ได้สนใจไม่

ฮ่องเต้ฮั่นอายตี้ กับ ต่งเสียน มักจะนอนร่วมเตียงเดียวกันเสมอ จนมาวันหนึ่ง ต่งเสียนด้วยความเหนื่อยล้าหลับจนเช้าก็ยังไม่ตื่น แล้วได้นอนทับแขนเสื้อของ ฮ่องเต้ฮั่นอายตี้ ด้วยความที่ฮ่องเต้ทรงรักมากจึงกลัวว่าหากดึงแขนเสื้อที่ต่งเสียนทับอยู่ จะทำให้ต่งเสียนตื้น พระองค์จะต้องลุกไปออกราชการในวัง พระองค์จึงได้เรียกขันทีที่อยู่ใกล้เตียงให้นำกรรไกรมาทำการตัดแขนเสื้อตัวเอง เพียงเพื่อมิให้ชายคนรักตื้นนอนจึงเป็นเหตุการณ์ที่มาของประโยคที่ชื่อว่า ตัดแขนเสื้อ เกิดขึ้น หรือในภาษาจีนว่า ‘ต้วนซิ่วจือผี่ (斷袖之癖)’ แปลว่า ‘พิศวาสจนตัดแขนเสื้อ’
เหตุการณ์ในการตัดแขนเสื้อนั้นดูแล้วไม่เห็นจะมีอะไร แต่ทว่าทำไมคนรุ่นหลังจึงเปรียบ คำว่า ตัดแขนเสื้อขาด เป็นแผนการร้าย เหตุเพราะ ฮ่องเต้ถือเป็นบุคคลทรงอำนาจแห่งยุคสมัยย่อมตัดแขนเสื้อเพื่อไม่ให้ชายคนรักตื่น แสดงถึงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นภายในบ้านเมืองแล้ว เพราะ ต่งเสียน รู้ว่าตนเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ชื่อใช้ ความรักแสวงหาอำนาจให้กับตนเองและเครื่อญาติ
นับแต่นั้นมาอำนาจของต่งเสียนก็ยิ่งทวีเพิ่มมากขึ้น ต่งเสียนเรียกร้องอะไรอายตี้ก็ปรนเปรอทุกอย่าง เครือญาติของต่งเสียนล้วนได้รับราชการเป็นใหญ่เป็นโต
ต่งกง (董恭) บิดาของต่งเสียนได้ตำแหน่งเป็นกวนเน่ยโหว (關內侯) หรือพระยานคราภิบาล พ่อตาได้เป็นเสนาบดีโยธาธิการ น้องชายได้เป็นผู้บัญชาการกองทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ น้องสาวได้เป็นสนมตำแหน่งเจาอี๋ (昭儀) มีตำแหน่งรองจากฮองเฮาเท่านั้น
นอกจากนี้อายตี้ยังสร้างคฤหาสน์ที่ใหญ่โตพอๆ กับพระราชวังให้ต่งเสียนอยู่ พรั่งพร้อมด้วยทรัพย์อีกจำนวนมาก แถมยังหาข้ออ้างตั้งต่งเสียนให้มียศเป็น เกาอันโหว(高安侯) หรือพระยาเมืองเกาอัน ด้วยการเอาความดีความชอบคนอื่นมาให้ต่งเสียน ขุนนางจำนวนมากเห็นอายตี้ปรนเปรอต่งเสียนมาจนผิดประเพณีก็ไม่พอใจ ต่างยื่นฎีกาฟ้องร้องจำนวนมาก กลับโดนอายตี้ลงโทษอย่างหนักทั้งขังคุก ปลดจากตำแหน่ง หรือลงอาญาจนตาย
สุดท้ายอายตี้ก็แต่งตั้งให้ต่งเสียนขึ้นเป็น ต้าซือหม่า (大司馬) หรือสมุหพระกลาโหม ซึ่งเป็นยศหนึ่งในสามเสนาบดีสูงสุดสมัยราชวงศ์ฮั่นด้วยวัยเพียง ๒๒ ปีเท่านั้น โดยไม่ได้มีความชอบอย่างไรนอกจากการเป็นคู่นอนให้อายตี้ แถมในพระราชโองการแต่งตั้ง ราวกับอายตี้จะสละราชสมบัติให้ต่งเสียนอย่างไรอย่างนั้น
แต่แล้วด้วยฮ่องเต้ด้วยความฝักใฝ่ในตัวต่งเสียนมากไปรวมไปถึงยังเสวยยาบำรุงมากไป ทำให้ร่างกายพระองค์ไม่อาจรับไว้ ฮ่องเต้อายตี้ก็หมดเรี่ยวแรงสิ้นพระชนม์ไปด้วยวัยราว ๒๗ ปี ก่อนตายยังไม่วายบอกว่าจะสละราชบัลลังก์ให้ต่งเสียน
แต่ด้วยความกำเริบของต่งเสียนภายในวังหลัง ผู้หญิงในวังหลังได้แต่อดทนจนเมื่อถึงเวลามาถึง ฮ่องเต้อายตี้ สิ้นพระชนม์ ไทเฮาดำเนินการฉับพลันก่อรัฐประหารยึดเอาตราพระราชลัญจกรมาได้ ออกพระราชโองการปลดต่งเสียนจากตำแหน่ง ยกตำแหน่งให้หวางหม่างหลานของพระองค์แทน (ภายหลังหวางหม่างมีอำนาจมากก็ล้มราชวงศ์ฮั่น ตั้งราชวงศ์ซินขึ้นแทนที่) ต่งเสียนหมดอำนาจวาสนาก็ชิงฆ่าตัวตายพร้อมภรรยาหนีความผิด ทรัพย์สินถูกยึดทั้งหมด บรรดาญาติมิตรที่เหลือไม่ตายก็ถูกเนรเทศ เป็นการปิดตำนานพิศวาสตัดแขนเสื้อในครั้งนี้
ขอขอบคุณ WipakHistory