อาการโคลิคในเด็ก

พ่อ แม่หลายท่านคงสงสัยว่าทำไมลูกของท่านถึง ร้อนในตอนกลางคืนบ่อยมาก หรือเป็นประจำ พ่อแม่หลายท่านก็ไม่ได้สงสัยอะไรคิดว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่หากถ้าเกิดมันเป็นอาการของโรคชนิดหนึ่งที่เรียกว่า อาการโคลิคในเด็ก (colic) หมายถึง การที่เด็กร้องกวนเป็นเวลาเย็นๆ หรือดึก โดยส่วนใหญ่เด็กมักร้องในช่วงเวลา 6 โมงเย็นถึง 4 ทุ่ม โดยที่เวลาอื่นเด็กปกติดี เล่นได้ กินได้ บางรายอาจร้องหลังรับประทานนม จึงแตกต่างจากการร้องเพราะหิว ซึ่งมักจะร้องก่อนมื้อนม

บางรายการร้องจะเกิดหลังมื้ออาหารครึ่งชั่วโมงหรือช้ากว่านี้ อาการโคลิคเกิดขึ้นในเด็กอายุ 2-4 สัปดาห์? และหายไปเมื่ออายุได้ 3 เดือน เด็กแต่ละคนอาจมีอาการมากน้อยแตกต่างกัน พบได้ร้อยละ 20 ของเด็กทั้งชายและหญิง พบได้ทั้งลูกคนโตและคนหลังๆ โดยทั่วไปจะนึกถึงอาการโคลิค เมื่อเด็กอายุน้อยกว่า 3 เดือน ร้องกวนมากกว่า 3 ชั่วโมงต่อวัน มากกว่า 3 วันต่อสัปดาห์

ซึ่งสาเหตุอาการของโคลิคในเด็กนั้น สาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัดบ้างคน เชื่อว่าเด็กเห็นอะไรบ้างอย่างที่ลี้ลับก็เป็นได้ แต่ก็มีสาเหตุทางวิทยาศตร์นั้นนี้

ในอดีตเชื่อว่าเกิดจากระบบทางเดินอาหารของเด็กมีก๊าซมากเกินไป แต่ก็ยังไม่มีการศึกษาวิจัยที่สนับสนุนเท่าที่ควร
ปัจจุบันเชื่อว่าเกิดจากความเครียดในการปรับตัวของเด็ก และพัฒนาการของสมองที่ยังไม่มากพอ ลักษณะเป็นการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นภายนอกที่มีความไวมากกว่าปกติ และเมื่อเริ่มร้องแล้ว เด็กไม่สามารถหยุดได้ง่ายๆ เนื่องจากพัฒนาการของสมองยังไม่มากพอ
บางคนสันนิษฐานว่าเป็นความพยายามของเด็ก ที่ควบคุมกำลังฝึกการทำงานของปอดและการขยับกล้ามเนื้อต่างๆ ในร่างกาย ซึ่งเกิดขึ้นอย่างอัตโนมัติ

โดยที่อาการสำคัญที่เกิดขึ้นสำหรับเด็กที่เกิดอาการโคลิคนั้น คือเด็กร้องต่อเนื่องกันยาวนานกว่าปกติ อาจเกิดขึ้นตอนใดก็ได้ แต่ส่วนใหญ่มักเป็นในตอนเย็น โดยส่วนใหญ่ อาการคล้ายเจ็บปวด หรืออาการปวดท้องแบบเจ็บแปลบ แต่จริงๆ แล้วเด็กไม่ได้เจ็บปวดแต่อย่างใด เด็กอาจดิ้น งอแง ผายลม ท้องจะอืดโดยมีลมเต็มท้อง เวลาร้องหน้าจะแดง ขาทั้งสองข้างงอขึ้นและหดเกร็ง เด็กไม่ยอมกินนม อาจมีอาการเกร็งมือ และเท้าบ้างเล็กน้อย และมักพบปัญหาในการนอนร่วมด้วย ถือว่าอาการโคลิคในเด็กไม่ใช่อาการที่ร้ายแรงแต่อย่างใด จากการศึกษาวิจัย พบว่าเด็กสามารถมีพัฒนาที่เป็นปกติ? กินอาหารได้ตามปกติ และน้ำหนักเพิ่มได้ตามปกติแม้ว่าจะมีอาการโคลิคก็ตาม

วิธีแก้ไขและแนวทางปฏิบัติ

  1. พยายามปลอบโยนเด็กให้สบายใจ เช่น เปิดเพลง, อุ้มกล่อม, ใส่รถเข็นเดินเที่ยวก่อนเวลาที่จะร้องงอแง ปรับอารมณ์ 2-3 วัน
    จนเด็กเลิกงอแง ที่สำคัญพ่อแม่ต้องจัดสิ่งแวดล้อมให้สงบไม่วุ่นวาย
  2. เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกันได้มาก วิธีที่ได้ผลกับคนหนึ่ง อาจใช้ไม่ได้ผลกับคนอื่น
    จึงควรลองใช้หลากหลายวิธีจนกว่าจะได้ผล
  3. ไม่ควรใช้ยาใดๆ เพราะนอกจากจะไม่ได้ผลแล้ว ยังทำให้ระบบย่อยของเด็กเสียไปด้วย ยาที่พ่อแม่มักได้รับคำแนะนำให้ใช้
    ได้แก่ colic drops, gripe water หรือ dimeticone (Infacol)
  4. ควรไล่ลมหลังดูดนมทุกครั้ง หากให้ลูกดื่มนมจากขวด อาจลองพิจารณาเปลี่ยนสูตรของนมเป็นชนิดอื่นบ้าง
    เช่น soya-based formula
  5. บางรายอาจเกิดจากอาหาร ซึ่งถ้าสงสัยว่าเป็นสาเหตุให้งดเว้นเสีย
  6. ถ้าสงสัยว่าเกิดจาก lactose intolerance ให้หยุดนมวัวทันที และปรึกษาแพทย์
  7. พ่อแม่ควรดูลักษณะการร้องของลูกให้แน่ชัด บางครั้งอาจเกิดจากสาเหตุอื่นได้

Leave a Reply

Your email address will not be published.