ภัยเงียบ ในห้องเรียน
ในการสำรวจ ที่ระบุว่า ได้มาจากการสอบถามความเห็นจากเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา 10,000 รายทางออนไลน์ โดยให้ตอบชุดคำถาม โดยไม่ต้องเปิดเผยชื่อตัวเอง พบว่าเมื่อเดือนตุลาคม มีเด็ก 43% ถูกข่มเหงรังแกทางร่างกาย, เด็กกว่า 5,000 คนบอกว่า ถูกแหย่ ถูกล้อแบบไม่เป็นมิตร และเด็กราว 5,000 คนบอกว่า ถูกเรียกด้วยสรรพนาม หรือ ฉายาที่ทำร้ายความรู้สีก
นอกจากนี้ ยังมีเด็กนักเรียน 1 ใน 3 บอกว่า ถูกกลุ่มเพื่อนกีดกันออกจากกลุ่ม เพื่อต้องการทำร้ายความรู้สึก, เด็ก 28% บอกว่า ถูกขโมยของ หรือมีคนมาทำข้าวของแตกหัก, เด็ก 21% เคยถูก “ขู่ทำร้าย” และ มีเด็ก 2 ใน 3 บอกว่า เฉพาะเมื่อเดือนที่แล้ว เคยถูกกลั่นแกล้งรังแกมากกว่า 1 วิธี

สำหรับ ปฏิกิริยาของเด็กที่ ถูกรังแก มีผู้ตอบแบบสอบถาม 8% บอกว่า เคยใช้วิธี “ขาดเรียน” อย่างน้อย 1 ครั้งใน 1 เทอมการศึกษา เพราะกลัวจะถูกแกล้ง และมีเด็ก 25% ใช้วิธีอื่น อาทิ ไม่ไปเข้าห้องน้ำตามลำพัง ไม่ไปกินข้าวกลางวัน ขาดเรียนในบางวิชา หรือ เลี่ยงที่จะไปอยู่ในพื้นที่ที่มีพวกที่จ้องจะรังแกตนอยู่
ทั้ง นี้ นายเอช.เวสลี่ย์ เพอร์กินส์ หัวหน้าคณะผู้จัดสำรวจได้พูดถึงผลสำรวจว่า “ทำ ให้รู้ว่า เราเข้าใจผิดที่เคยคิดว่า ห้องเรียนคือสถานที่ปลอดภัย ปลอดจากการข่มเหง ดังนั้น เราจึงต้องคิดใหม่ว่า สถานที่ซึ่งไม่ค่อยมีใครคอยเฝ้าระวัง ตรวจตร พื้นที่เหล่านั้นแหละ คือสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูงที่เด็กจะถูกรังแก”
คอลัมน์ ทีนเทศ